หน้าที่ของ PASSIVE ในภาษาอังกฤษ
Passive (พาสซิฟวฺ) บ่งแสดงความหมายว่า ภาคประสานของประโยค (Subject) ได้รับการกระทำ ซึ่งแสดงโดยคำกริยา (Verb) ภายในประโยค นั่นคือ ภาคประธานเป็น receiver (ริซีฟเวอะ) หรือ “ผู้รับการกระทำ” นั่นเอง
โดยสรุป แล้ว Passive จะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ verb to be + past participle ทั้งนี้ verb to be ที่กล่าวนี้ อาจจะเป็น is, am, are, was, were, (to) be, being, been แล้วแต่ว่าจะเข้าลักษณะรูปของ tense ใด
ตัวอย่าง
The boy was bitten by the dog.
เด็กผู้ชายถูกสุนัขกัด
Research will be presented by Pooja at the conference.
การวิจัยจะถูกนำเสนอโดนพูจาในการประชุม
ตัวอย่าง
The boy was bitten by the dog.
เด็กผู้ชายถูกสุนัขกัด
Research will be presented by Pooja at the conference.
การวิจัยจะถูกนำเสนอโดนพูจาในการประชุม
รูป (Form)
Passive Verb อาจจะมีรูปดังนี้
1. Present Simple : is/am/are + past participle
2. Present Continuous : is/am/are + being + past participle
3. Present Perfect : have/has + been + past participle
4. Present Perfect Continuous : have/has + been + being + past participle
5. Past simple : was/were + past participle
6. Past Continuous : was/were + being + past participle
7. Past Perfect : had + been + past participle
8. Past Perfect Continuous ะ had + been + being + past participle
9. Future Simple : will/shall + be + past participle
OR is /am/ are + going + to + be + past participle
10. Future Continuous ะ will/shall + be + being + past participle
OR is/am/are + going + to + be + being + past participle
11. Future Perfect : will/shall + have + been + past participle
OR is/am/are + going + to + have + been + past participle
12. Future Perfect Continuous : will/shall + have + been + being
+ past participle
OR is/am/are + going + to + have + been + being + past participle
Passive Verb อาจจะมีรูปดังนี้
1. Present Simple : is/am/are + past participle
2. Present Continuous : is/am/are + being + past participle
3. Present Perfect : have/has + been + past participle
4. Present Perfect Continuous : have/has + been + being + past participle
5. Past simple : was/were + past participle
6. Past Continuous : was/were + being + past participle
7. Past Perfect : had + been + past participle
8. Past Perfect Continuous ะ had + been + being + past participle
9. Future Simple : will/shall + be + past participle
OR is /am/ are + going + to + be + past participle
10. Future Continuous ะ will/shall + be + being + past participle
OR is/am/are + going + to + be + being + past participle
11. Future Perfect : will/shall + have + been + past participle
OR is/am/are + going + to + have + been + past participle
12. Future Perfect Continuous : will/shall + have + been + being
+ past participle
OR is/am/are + going + to + have + been + being + past participle
การใช้ (Use)
การสร้างประโยค Passive จากประโยค Active นั้นมีกติกาอยู่ว่า ประโยค Active จะต้องมีกรรมตรง (direct object : DO) ทั้งนี้เพื่อจะนำเอากรรมตรงมาวางไว้หน้าประโยค Passive
ตัวอย่าง
1 S ACTIVE DO
A : Heavy waves pounded the seacoast.
S PASSIVE AGENT
P : The seacoast was pounded by heavy waves.
(NOTE: S = Subject; DO = Direct Object; A = Active ; P = Passive)
แปลความ A คลื่นลูกมหึมาถาโถมใส่ชายฝั่งทะเล
P ชายฝั่งทะเลถูกถาโถมใส่ด้วยคลื่นลูกมหึมา
ข้อสังเกต – ในกรณีของตัวอบ่างที่ 1 แสดงถึงการกระทำที่ได้เกิดขึ้นและจบไปแล้วในอดีต จึงใช้รูป Past Simple โดยมีการระบุผู้กระทำ (agent) คือ heavy waves
ตัวอย่าง
2 S ACTIVE DO
A : Workers has been installing burglar alarms.
S PASSIVE AGENT OMITED
P : Burglar alarms has been being installed.
แปลความ A คนงานทำการติดตั้งสัญญาณป้องกันขโมย
P สัญญาณป้องกันขโมยถูกติดตั้ง
ข้อสังเกต – ในกรณีของตัวอย่างที่ 2 แสดงถึงการดำเนินการติดตั้งสัญญาณป้องกันขโมยที่ได้มีการดำเนินการต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็กำลังดำเนินการอยู่ จึงใช้รูป Present Perfect Continuous ซึ่งได้มีการละ (omit) ผู้กระทำ (agent) ทั้งนี้เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเอ่ยถึง เนื่องจากไม่ได้ระบุเฉพาะว่าเป็นใคร เพียงแต่บอกว่าเป็นคนงาน (workers) เช่นนี้ถือว่ากว้างเกินไป จึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงผู้ทระทำ (agent omitted)
การสร้างประโยค Passive จากประโยค Active นั้นมีกติกาอยู่ว่า ประโยค Active จะต้องมีกรรมตรง (direct object : DO) ทั้งนี้เพื่อจะนำเอากรรมตรงมาวางไว้หน้าประโยค Passive
ตัวอย่าง
1 S ACTIVE DO
A : Heavy waves pounded the seacoast.
S PASSIVE AGENT
P : The seacoast was pounded by heavy waves.
(NOTE: S = Subject; DO = Direct Object; A = Active ; P = Passive)
แปลความ A คลื่นลูกมหึมาถาโถมใส่ชายฝั่งทะเล
P ชายฝั่งทะเลถูกถาโถมใส่ด้วยคลื่นลูกมหึมา
ข้อสังเกต – ในกรณีของตัวอบ่างที่ 1 แสดงถึงการกระทำที่ได้เกิดขึ้นและจบไปแล้วในอดีต จึงใช้รูป Past Simple โดยมีการระบุผู้กระทำ (agent) คือ heavy waves
ตัวอย่าง
2 S ACTIVE DO
A : Workers has been installing burglar alarms.
S PASSIVE AGENT OMITED
P : Burglar alarms has been being installed.
แปลความ A คนงานทำการติดตั้งสัญญาณป้องกันขโมย
P สัญญาณป้องกันขโมยถูกติดตั้ง
ข้อสังเกต – ในกรณีของตัวอย่างที่ 2 แสดงถึงการดำเนินการติดตั้งสัญญาณป้องกันขโมยที่ได้มีการดำเนินการต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็กำลังดำเนินการอยู่ จึงใช้รูป Present Perfect Continuous ซึ่งได้มีการละ (omit) ผู้กระทำ (agent) ทั้งนี้เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเอ่ยถึง เนื่องจากไม่ได้ระบุเฉพาะว่าเป็นใคร เพียงแต่บอกว่าเป็นคนงาน (workers) เช่นนี้ถือว่ากว้างเกินไป จึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงผู้ทระทำ (agent omitted)
ดังนั้น การที่เราใช้รูปประโยคเป็น Passive ก็เพื่อจะมุ่งเน้นว่าบุคคลหรือสิ่งนั้นถูกกระทำ นั่นคือหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงผู้กระทำ (doer / agent ดูเออะ / เอเจ็นทฺ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้กระทำนั้นไม่เป็นที่รู้จักหรือไม่สำคัญใดๆ ซึ่งต่างไปจากประโยค Active ที่มุ่งเน้นผู้กระทำเป็นสำคัญทำให้งานเขียนหรือข้อความในประโยคนั้น มีลักษณะตรง (direct ไดเร็กทฺ) มีพลัง (forceful ฟอซฟุล) และแม่นยำ (concise คอนไซสฺ)
เพื่อให้ท่านผู้อ่าน แลเห็นลักษณะการเปลี่ยนรูปจากประโยค Active เป็นประโยค Passive อย่างชัดเจน ผู้เขียนจะขอกล่าวในรายละเอียดทีละ tense ดังนี้
1. Present Simple
A : My brother always chop logs.
พี่ชายของฉันตัดท่อนซุงประจำ
P : Logs are always chopped by my brother.
ท่อนซุงถูกตัดโดยพี่ชายเสมอ
2. Present Continuous
A : They are lifting weights.
พวกเขากำลังยกลูกตุ้มน้ำหนัก
P : Weights are being lifted.
ลูกตุ้มน้ำหนักกำลังถูกยก
3. Present Perfect
A : They have done wonders.
พวกเขาทำสิ่งมหัศจรรย์
P : Wonders have been done.
สิ่งมหัศจรรย์ถูกทำ
4. Present Perfect Continuous
A : He has been watching football.
เขานั่งชมฟุตบอล
P : Football has been being watched.
ฟุตบอลถูกชม
5. Past Simple
A : The tornado flattened houses.
พายุทอร์นาโดได้ทำลายบ้านราบหมด
P : Houses were flattened by the tornado.
บ้านถูกทำลายราบโดยพายุทอร์นาโด
6. Past Continuous
A : Helen was washing the dog.
เฮเลนกำลังอาบน้ำให้สุนัข
P : The dog was being washed.
สุนัขกำลังถูกอาบน้ำ
7. Past Perfect
A : I had seen pictures of the pyramids.
ผมได้ดูภาพพีระมิด
P : Pictures of the pyramids had been seen.
ภาพพีระมิดถูกดู
8. Past Perfect Continuous
A : He had been watching movies.
เขาชมภาพยนตร์
P : Movies had been being watched.
ภาพยนตร์ถูกชม
9. Future Simple
A : They will install burglar alarms.
พวกเขาจะติดตั้งสัญญาณกันขโมย
P : Burglar alarms will be installed.
สัญญาณกันขโมยจะถูกติดตั้ง
10. Future Continuous
1. Present Simple
A : My brother always chop logs.
พี่ชายของฉันตัดท่อนซุงประจำ
P : Logs are always chopped by my brother.
ท่อนซุงถูกตัดโดยพี่ชายเสมอ
2. Present Continuous
A : They are lifting weights.
พวกเขากำลังยกลูกตุ้มน้ำหนัก
P : Weights are being lifted.
ลูกตุ้มน้ำหนักกำลังถูกยก
3. Present Perfect
A : They have done wonders.
พวกเขาทำสิ่งมหัศจรรย์
P : Wonders have been done.
สิ่งมหัศจรรย์ถูกทำ
4. Present Perfect Continuous
A : He has been watching football.
เขานั่งชมฟุตบอล
P : Football has been being watched.
ฟุตบอลถูกชม
5. Past Simple
A : The tornado flattened houses.
พายุทอร์นาโดได้ทำลายบ้านราบหมด
P : Houses were flattened by the tornado.
บ้านถูกทำลายราบโดยพายุทอร์นาโด
6. Past Continuous
A : Helen was washing the dog.
เฮเลนกำลังอาบน้ำให้สุนัข
P : The dog was being washed.
สุนัขกำลังถูกอาบน้ำ
7. Past Perfect
A : I had seen pictures of the pyramids.
ผมได้ดูภาพพีระมิด
P : Pictures of the pyramids had been seen.
ภาพพีระมิดถูกดู
8. Past Perfect Continuous
A : He had been watching movies.
เขาชมภาพยนตร์
P : Movies had been being watched.
ภาพยนตร์ถูกชม
9. Future Simple
A : They will install burglar alarms.
พวกเขาจะติดตั้งสัญญาณกันขโมย
P : Burglar alarms will be installed.
สัญญาณกันขโมยจะถูกติดตั้ง
10. Future Continuous
A : They will be offering legal services.
พวกเขากำลังให้บริการกฎหมาย
P : Legal services will be being offered.
บริการด้านกฎหมายจะถูกให้
11. Future Perfect
A : They will have completed work by noon.
พวกเขาจะทำงานเสร็จก่อนเที่ยง
P : Work will have been completed by noon.
งานจะถูกทำเสร็จก่อนเที่ยง
12. Future Perfect Continuous
A : He will have been teaching English.
เขาจะกำลังสอนภาษาอังกฤษ
P : English will have been being taught.
ภาษาอังกฤษจะกำลังถูกสอน
พวกเขากำลังให้บริการกฎหมาย
P : Legal services will be being offered.
บริการด้านกฎหมายจะถูกให้
11. Future Perfect
A : They will have completed work by noon.
พวกเขาจะทำงานเสร็จก่อนเที่ยง
P : Work will have been completed by noon.
งานจะถูกทำเสร็จก่อนเที่ยง
12. Future Perfect Continuous
A : He will have been teaching English.
เขาจะกำลังสอนภาษาอังกฤษ
P : English will have been being taught.
ภาษาอังกฤษจะกำลังถูกสอน
อีกกรณีหนึ่งคือ การเขียนรายงานการทดลอง (experiment) ซึ่งเกิดจาก ประโยคคำสั่งที่เป็น Active และได้ละประธาน You (You omitted) สามารถเปลี่ยนเป็น Passive โดยดึง direct object (DO) ของ Active ขึ้นมาเป็น Subject แล้วตามด้วย be + past participle ซึ่ง verb to be นี้อาจจะเป็น is/am/ are (Present Simple) หรือ was/were (Past Simple) ก็ได้ แล้วแต่ว่าจะเขียนรายงานกระบวนการที่เป็นปัจจุบัน หรืออดีต
ตัวอย่าง
DO
A : Put a spoon inside a jar. ใส่ช้อนเข้าไปในขวดโหล
P : A spoon is put inside ajar. ช้อนถูกใส่เข้าไปในขวดโหล
S
ตัวอย่าง
DO
A : Put a spoon inside a jar. ใส่ช้อนเข้าไปในขวดโหล
P : A spoon is put inside ajar. ช้อนถูกใส่เข้าไปในขวดโหล
S
การเปลี่ยนจาก Passive sentences มาเป็น Active sentences
หลักการเบื้องต้น ตามที่ได้ทราบแล้วนั้น คือ ในประโยค Passive นอกเหนือจากการดึงเอากรรม (object) ของประโยค Active ขึ้นมาเป็นประธาน (subject) ของประโยค Passive แล้ว รูปกริยาในประโยคPassive ยังมี be + past participle ด้วย ฉะนั้น เมื่อจะแปลงประโยค Passive เป็นประโยค Active จึงต้องดึงเอาส่วน agent noun (นามที่เป็นผู้กระทำ) ซึ่งสังเกตได้ง่ายคือ อยู่หลัง by … ขึ้นมาเป็นประธาน ส่วนรูปกริยาที่เป็นไปตาม tense ต่างๆ ตามที่แสดงในประโยค Passive
ตัวอย่าง
(1) S PASSIVE AGENT
P : Pearl Harbor was bombed by the Japanese.
S ACTIVE DO
A : The Japanese bombed Pearl Harbor.
(NOTE: S = Subject ; AGENT ; doer ; DO = Direct Object)
แปลความ
P : อ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ถูกถล่มด้วยระเบิดโดยกองทัพญี่ปุ่น
A : กองทัพญี่ปุ่นถล่มอ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ ด้วยระเบิด
ข้อสังเกต
1. tense ยังคงเหมือนเดิมทั้งใน Passive และ Active คือ Past Simple
2. ใน Passive มีโครงสร้างทั้งกริยา be + past participle คือ was bombed
3. ใน Passive มี Agent noun หลัง by คือ by the Japanese
4. ใน Active ดึง Agent noun คือ The Japanese มาเป็น Subject
5. ใน Active รูปกริยาที่เป็น Past Simple (ช่อง 2) ไม่มี verb to be คือ was
6. ใน Active หลังกริยา มีกรรมรองรับ คือ Pearl Harbor
ตัวอย่าง
(2) S PASSIVE AGENT
P : The dog was being washed by a man when I arrived.
S ACTIVE DO
A : A man was washing the dog when I arrived.
แปลความ
P : สุนัขกำลังถูกอาบนํ้าโดยชายคนหนึ่ง เมื่อตอนที่ผมมาถึง
A : ชายคนหนึ่งกำลังอาบน้ำให้สุนัข เมื่อตอนที่ผมมาถึง
ข้อสังเกต
1. tense ยังคงเหมือนเดิมทั้งใน Passive และ Active คือ Past Continuous
2. ใน Passive มีโครงสร้างทั้งกริยา be + past participle คือ being washed
3. ใน Passive มี Agent noun หลัง by คือ a man
4. ใน Active ดึง Agent noun คือ A man มาเป็น Subject
5. ใน Active รูป be ในโครงสร้าง be + past participle คือ being ไม่มี
6. ใน Active ที่เป็น Past Continuous กริยาแท้เป็นรูป ing คือ washing
7. ใน Active หลังกริยาแท้ มีกรรมรองรับ คือ the dog
หลักการเบื้องต้น ตามที่ได้ทราบแล้วนั้น คือ ในประโยค Passive นอกเหนือจากการดึงเอากรรม (object) ของประโยค Active ขึ้นมาเป็นประธาน (subject) ของประโยค Passive แล้ว รูปกริยาในประโยคPassive ยังมี be + past participle ด้วย ฉะนั้น เมื่อจะแปลงประโยค Passive เป็นประโยค Active จึงต้องดึงเอาส่วน agent noun (นามที่เป็นผู้กระทำ) ซึ่งสังเกตได้ง่ายคือ อยู่หลัง by … ขึ้นมาเป็นประธาน ส่วนรูปกริยาที่เป็นไปตาม tense ต่างๆ ตามที่แสดงในประโยค Passive
ตัวอย่าง
(1) S PASSIVE AGENT
P : Pearl Harbor was bombed by the Japanese.
S ACTIVE DO
A : The Japanese bombed Pearl Harbor.
(NOTE: S = Subject ; AGENT ; doer ; DO = Direct Object)
แปลความ
P : อ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ถูกถล่มด้วยระเบิดโดยกองทัพญี่ปุ่น
A : กองทัพญี่ปุ่นถล่มอ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ ด้วยระเบิด
ข้อสังเกต
1. tense ยังคงเหมือนเดิมทั้งใน Passive และ Active คือ Past Simple
2. ใน Passive มีโครงสร้างทั้งกริยา be + past participle คือ was bombed
3. ใน Passive มี Agent noun หลัง by คือ by the Japanese
4. ใน Active ดึง Agent noun คือ The Japanese มาเป็น Subject
5. ใน Active รูปกริยาที่เป็น Past Simple (ช่อง 2) ไม่มี verb to be คือ was
6. ใน Active หลังกริยา มีกรรมรองรับ คือ Pearl Harbor
ตัวอย่าง
(2) S PASSIVE AGENT
P : The dog was being washed by a man when I arrived.
S ACTIVE DO
A : A man was washing the dog when I arrived.
แปลความ
P : สุนัขกำลังถูกอาบนํ้าโดยชายคนหนึ่ง เมื่อตอนที่ผมมาถึง
A : ชายคนหนึ่งกำลังอาบน้ำให้สุนัข เมื่อตอนที่ผมมาถึง
ข้อสังเกต
1. tense ยังคงเหมือนเดิมทั้งใน Passive และ Active คือ Past Continuous
2. ใน Passive มีโครงสร้างทั้งกริยา be + past participle คือ being washed
3. ใน Passive มี Agent noun หลัง by คือ a man
4. ใน Active ดึง Agent noun คือ A man มาเป็น Subject
5. ใน Active รูป be ในโครงสร้าง be + past participle คือ being ไม่มี
6. ใน Active ที่เป็น Past Continuous กริยาแท้เป็นรูป ing คือ washing
7. ใน Active หลังกริยาแท้ มีกรรมรองรับ คือ the dog
นอกจากเรื่องการเปลี่ยนประโยค Active เป็น Passive ตามรูปกาล (tense) ต่างๆ และการเขียนรายงานการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว Passive ยังเกี่ยวข้องกับ infinitive, gerund และ get ด้วย กล่าวคือ
1. ในรูป Passive infinitive ซึ่งประกอบด้วย infinitive ‘be’ + past participle จะวางอยู่หลังกริยาช่วย อาทิ must, can, will, shall, could, would, should, may, might และวางอยู่หลังวลี อาทิ going to, have/has to, want to, would like to, need to เป็นต้น
ตัวอย่าง
1. A : You must lock this door. คุณจะต้องล็อกประตูนี้
P : This door must be locked. ประตูนี้จะต้องถูกล็อก
2. A : They can’t do that job.พวกเขาไม่สามารถทำงานนั้นได้
P : That job can’t be done. งานนั้นไม่สามารถถูกทำได้
3. A : They are going to interview him. พวกเขาจะสัมภาษณ์เขา P : He is going to be interviewed. เขาจะถูกสัมภาษณ์
4. A : No one can help you. ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือคุณได้
P : You can’t be helped. คุณไม่สามารถถูกช่วยเหลือได้
ตัวอย่าง
1. A : You must lock this door. คุณจะต้องล็อกประตูนี้
P : This door must be locked. ประตูนี้จะต้องถูกล็อก
2. A : They can’t do that job.พวกเขาไม่สามารถทำงานนั้นได้
P : That job can’t be done. งานนั้นไม่สามารถถูกทำได้
3. A : They are going to interview him. พวกเขาจะสัมภาษณ์เขา P : He is going to be interviewed. เขาจะถูกสัมภาษณ์
4. A : No one can help you. ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือคุณได้
P : You can’t be helped. คุณไม่สามารถถูกช่วยเหลือได้
2. ในกรณีที่แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอดีต (past event or action) โดยมี could have, must have, would have, might/may have, ought to have ซึ่งเป็น Perfect ในรูป Passive Infinitive (หรือ Passive Perfect Infinitive) จะประกอบด้วย been + past participle
ตัวอย่าง
1. A : I should have told them about the dangers.
ผมควรจะได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับอันตราย
P : They should have been told about the dangers.
พวกเขาควรจะได้ถูกบอกเกี่ยวกับอันตราย
2. A : You must have rented this house.
คุณจะต้องเช่าบ้านหลังนี้
P : This house must have been rented.
บ้านหลังน็จะต้องถูกเช่า
ตัวอย่าง
1. A : I should have told them about the dangers.
ผมควรจะได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับอันตราย
P : They should have been told about the dangers.
พวกเขาควรจะได้ถูกบอกเกี่ยวกับอันตราย
2. A : You must have rented this house.
คุณจะต้องเช่าบ้านหลังนี้
P : This house must have been rented.
บ้านหลังน็จะต้องถูกเช่า
3. ในกรณีของ Passive gerund จะประกอบด้วย being+past participle เมื่อแสดงความหมายในเชิงถูกกระทำ เรื่องดังกล่าวนี้เกี่ยวพันกับ Gerund ซึ่งหลังกริยาบางคำในภาษาอังกฤษ จะต้องตามด้วย Gerund หรือ รูปกริยา ing
ตัวอย่าง
1. A : I don’t like people scolding me.
ดิฉันไม่ชอบให้ใครมาด่า
P : I don’t like being scolded.
ดิฉันไม่ชอบถูกด่า
2. A : He remembers someone giving him the book.
เขาจำได้ว่ามีคนให้หนังสือแก่เขา
P : He remembers being given the book.
เขาจำได้ว่าได้ถูกให้หนังสือ
ตัวอย่าง
1. A : I don’t like people scolding me.
ดิฉันไม่ชอบให้ใครมาด่า
P : I don’t like being scolded.
ดิฉันไม่ชอบถูกด่า
2. A : He remembers someone giving him the book.
เขาจำได้ว่ามีคนให้หนังสือแก่เขา
P : He remembers being given the book.
เขาจำได้ว่าได้ถูกให้หนังสือ
4. ในบางครั้ง อาจจะเคยพบ get/got + past participle แทนที่จะเป็น be + past participle ลักษณะของโครงสร้าง get/got + past participle นี้ ใช้เมื่อเราต้องการจะกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ (happen by accident) หรือเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ (happen unexpectedly)
ตัวอย่าง
When Susan ran across the road, she nearly got run over by a car.
เมื่อตอนที่ซูซานวิ่งข้ามถนน เธอเกือบถูกรถยนต์ชน
I was surprised that I didn’t get invited to the party.
ดิฉันรูสึกแปลกใจที่ไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยง
Luckily, nobody got hurt in the accident.
โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
ตัวอย่าง
When Susan ran across the road, she nearly got run over by a car.
เมื่อตอนที่ซูซานวิ่งข้ามถนน เธอเกือบถูกรถยนต์ชน
I was surprised that I didn’t get invited to the party.
ดิฉันรูสึกแปลกใจที่ไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยง
Luckily, nobody got hurt in the accident.
โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ